วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ระบบไหลเวียนเลือด

ระบบไหลเวียนเลือด Cardiovascular System

ระบบไหลเวียนเลือดทำหน้าที่ขนส่งสารต่าง ๆ เช่น อาหารและออกซิเจนไปทั่วร่างกาย และนำของเสียกลับคืนมา ส่วนประกอบสำคัญของระบบนี้มี 3 ส่วน ได้แด่ เลือด เป้นของเหลียวที่นำสารต่าง ๆ เข้าและออกจากเซลล์หลอดเลือดเป็นท่อให้เลือดไหลผ่าน และหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือด


หัวใจ

หัวใจประกอบด้วยกล้ามเนื้อหัวใจทำงานต่างจากกล้ามเนื้อชนิดอื่นโดยที่ไม่รู้จักเมื่อยหล้า หัวใจแบ่งเป็น 4 ส่วน เรียกว่าห้องหัวใจ ห้องบนทั้งสองซีกเรียกว่า หัวใจห้องบน (Atria) และห้องล่างทั้งซีกเรียกว่า หัวใจห้องล่าง (ventricle)
การไหลเวียนเลือดภายในหัวใจ



ลิ้นระหว่างห้องหัวใจเป็นลิ้นปิด-เปิดทางเดียว เมื่อเลือดไหลมาจะมีแรงดันใบลิ้นทำให้ลิ้นเปิดออก และปิดกลับอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันมิให้เลือดไหลย้อนกลับ การปิดกระแทกของลิ้นจะทำให้เกิด “เสียงเต้นของหัวใจ” (heart beat)


การไหลเวียนเลือด

การไหลเวีนเลือด 1 รอบ เลือดต้องไหลผ่านหัวใจ 2 ครั้งคือ ครั้งแรกเลือดถูกสูบฉีดออกจากหัวใจห้องล่างขวาไปยังปอดเพื่อรับออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป จากนั้นเลือดจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้าย ลงสู่ห้องล่างซ้าย แล้วถูกสูบฉีดเพื่อนำออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วไหลกลับสู่หัวใจเพื่อเริ่มต้นการไหลเวียนรอบใหม่

หลอดเลือด

เลือไหลออกจากหัวใจไปตามหลือดเลือดแดงซึ่งมีผนังแข็งแรงมากจากนั้นหลอดเลือดจะแตกแขนงเล็ก ลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหลอดเลือดฝอยซึ่งมีผนังบางเท่าความหนาของเซลล์เดียวเท่านั้น ดังนั้นออกซิเจนและสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อเซลล์ภายในร่างกายจึงสามารถะแพร่ผ่านเข้าสู่น้ำเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างเซลล์ได้อย่างง่ายดาย


เลือด


เลือดประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ลอยอยู่ในของเหลวสีเหลือง ที่เรียกว่า พลาสมา ร่างกายผู้ใหญ่เฉลี่ยแล้วมีเลือดอยูประมาณ 5 ลิตร นอกจากทำหน้าที่ลำเลียงสารต่าง ๆ ไปทั่วร่างกายแล้วเลือดยังช่วยต่อสู้เชื้อโรค รักาบาดแผลและควบคุมอุณหภูมิของร่างกายอีกด้วย


เม็ดเลือดแดง มีรูปร่างคล้ายจานภายในมีสารสีม่วงแดงเรียกว่า ฮีโมโกลบิน เมื่อเลือดไหลผ่านปอด ฮีโมโกลบินจะจับกับออกซิเจนกลายเป็น ออกซิฮีโมโกลบินซึ่งมีสีแดงสด เมื่อเม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนไปส่งให้แก่เซล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายแล้ว ออกซีฮีโมโกลบินจะเปลียนกลับมาเป็นฮีโมโกลบินอีกครั้ง
เม็ดเลือดแดงจะตายไปทุก ๆ 4 เดือนและมีเม็ดเลือดแดงใหม่ที่สร้างจากไขกระดูก ในอัตราวินาทีละ 2 ล้านตัวมาทดแทน


เม็ดเลือดขาว มีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ช่วยร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค 
เกล็ดเลือด เป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ ของเซลล์มีหน้าที่ช่วยห้ามเลือดเมื่อเกิดบาดแผล


การแข็งตัวของเลือด

เมือเลือดไหลออกจากบาดแผล สักครู่หนึ่งจะเห็นเลือดเปลี่ยนเป็นลิ่มคล้ายวุ้น ลิ่มเลือดประกอด้วยไฟบริน โดยมีเกล็ดเลือดเป็นตัวกระตุ้นปฏิกริยา ลิ่มเลือดทำหน้าที่ช่วยห้ามเลือด และป้องกกันมิให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล

หมู่เลือด

หมู่เลือดแบ่งเป็น 4 หมู่ คือ A B O และ AB แต่ละหมู่จะมีแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดง และแอนติบอดีในพลาสมา ที่แตกต่างกันไป ในการถ่ายเลือด หมู่เลือดของผู้ให้จะต้องสอดคล้องกับหมูเลือดของผู้รับ

หมู่เลือดแอนติเจนแอนติบอดีหมู่เลือดที่รับได้
AAแอนติ AA และ O
BBแอนติ BB และ O
ABA และ Bไม่มีให้ได้ทุกหมู่
Oไม่มีแอนติ A แอนติ Bให้ได้เฉพาะ O